คนที่มีจิตรใจที่แข็งแกร่ง ไม่เพียงแต่เก่งเรื่องการกีฬาหรือสามารถอดทนต่อความเจ็บปวดได้ การบริหารร่างกายก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง มีหลากหลายวิธีเพื่อพิชิต “ความแข็งแกร่งของจิตรใจ” ความอ่อนล้าของสภาพจิตรใจ จะมีเส้นบางๆกั้นอยู่ระหว่างความเจ็บปวดและการบาดเจ็บ การฝึกหลายร้อยครั้ง(ทั้งทางกายภาพและทางการทหาร) ตัวอย่างเช่น การวิดพื้น,ซิทอัพ,การโหนบาร์,dips, การวิ่งระยะทางไกลๆหรือการว่ายน้ำหลายร้อยไมล์ เป็นการสร้างสมรรถภาพเพื่อเพิ่มแลคเคตและความอดทนจากการบาดเจ็บในการฝึกด้วย
ก่อนที่คุณจะสามารถอดทนในครั้งต่อไปได้ คุณจะต้องรู้ก่อนว่า ความเจ็บปวดของร่างกายคืออะไร เพราะบางทีมันอาจจะไม่ได้เกิดจากการบาดเจ็บ ถ้าคุณหักโหมมากเกินไปก็อาจทำให้เกิดอาการเจ็บปวดได้ เพราะฉะนั้นคุณจะต้องรู้ว่าขีดจำกัดของร่างกายในการฝึกมีมากเท่าใด การฝึกประสบการณ์การรบต่อสู้ขั้นพื้นฐานไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ได้แย่เสมอไป สิบข้อต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับในการฝึกขั้นพื้นฐานหรืออย่างน้อยก็เป็นความรู้ในการปรับเปลี่ยนวิธี
1. ทำในสิ่งที่ตัวคุณบอก
“ทำตามที่ตัวคุณบอก”นี่เป็นคำแนะนำที่ดีที่สุดที่ผมจะบอกคุณเพื่อผ่านการฝึกขั้นพื้นฐานนี้ การฝึกจะผ่านไปได้ด้วยดีถ้าหากคุณทำในสิ่งที่คุณอยากทำ การฝึกขั้นพื้นฐานและประสบการณ์เหล่านี้จะมีผลต่อการปรับเปลี่ยนบุคลิคและมีอิทธิพลอย่างยาวนานสำหรับแต่ละตัวบุคล ขอให้ทหารในอนาคตทั้งหมดที่กำลังฝึกอบรมขั้นพื้นฐาน โชคดีและสนุก
2. ดูแลรักษาอาวุธคู่กายอย่างสม่ำเสมอ
คุณจะได้รับปืน M 16 หลังจากผ่านการฝึกขั้นพื้นฐานเพียงไม่นาน ผมขอแนะนำว่า ให้คุณเรียนรู้วิธีการใช้ปืนเบื้องต้นเสียก่อน และต้องมีสัณชาตญาณเสมอว่าปืนจะต้องหันไปทิศทางที่ปลอดภัย เก็บอาวุธให้ปลอดภัย พยายามเก็บไว้ใต้แขนของตัวเองหรือต้องอยู่ในสายตาของคู่หูคุณเสมอ หากไม่ปฎิบัติเช่นนี้ ครูฝึกจะทำให้คุณตกนรกทั้งเป็นอย่างแน่นอน
3. ครูผู้ฝึกต้องถูกเสมอ
ให้ชินกับคำว่า “ใช่ครับ, ครูฝึก” “ไม่ใช่ครับ,ครูฝึก” และ “กำลังย้ายครับ,ครูฝึก” ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากมาย จำไว้แค่เพียงว่าครูปฝึกต้องถูกเสมอ ห้ามตอบโต้หรือท้าทายเด็ดขาด เพราะจะทำให้การฝึกขั้นพื้นฐานของคุณยากยิ่งขึ้น
4. ทั้งหมดคือเกมประสาท
คุณจะถูกตะโกนใส่หน้า,คุณจะสับสน,คุณจะเหนื่อย,คุณจะหงุดหงิด,คุณจะทำผิดพลาด,คนอื่นจะทำผิดพลาดทุกคนจะถูกลงโทษพร้อมกันโดยไม่คำนึงถึงว่าเป็นความผิดของคุณหรือความผิดพลาดจากคนอื่นหรือไม่ โปรดทราบว่านี่เป็นเกมประสาท ใช่แล้ว,ทางกองทัพต้องการคนที่มีร่างกายแข็งแรง แต่สิ่งที่เขาต้องการมากกว่านั้นคือ คนที่สามารถทนต่อความลำบากและความสามารถในการปรับตัว อย่าปล่อยให้มันเข้ามาหาตัวคุณเด็ดขาด นี่เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกเท่านั้น อย่าพึ่งโมโหใส่กันหากคนใดคนหนึ่งทำพลาด มันไม่สำคัณว่าคนไหนทำผิดแต่เพราะครูผู้ฝึกจะคอยหาเรื่องให้มีความผิดเสมอ จำไว้เสมอว่านี่เป็นเพียงการยั่วโมโหคุณเท่านั้น อย่าเครียด
5. รูปร่างต้องสมส่วน
สมรรถภาพทางร่างกายเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้คุณผ่านการฝึกขั้นพื้นฐานได้ง่ายขึ้น ไม่เพียงแค่การฝึกร่างกายจะง่ายขึ้น แต่ยังทำให้คล่องตัวในการทดสอบ ทำให้คุณมีเวลาส่วนตัวเพิ่มขึ้นได้อีก 30 นาทีเลยทีเดียว
6. ศึกษาก่อนที่จะไปที่นั่น
ไม่มีอะไรมากนัก – เป็นเพียงกฎของกองทัพเท่านั้น,3คำสั่งมาตรฐาน,ความพอใจของกองทัพ,ยศตำแหน่งที่ตั้งขึ้น,การฝึกขั้นพื้นฐานและพิธีการต่างๆ – คุณต้องทำความคุ้นเคยกับการรวมทัพก่อน เมื่อคุณเหนื่อย,สับสนหรือเกิดอาการเครียด ไม่ใช่เรื่องง่ายที่คุณจะเรียนรู้ด้วยตัวคุณเอง ครูฝึกจะทดสอบคุณด้วยเนื้อหาเหล่านี้ หากแต่ว่าคุณรู้เรื่องเหล่านี้พอสมควรแล้ว คุณจะไม่ตกเป็นเป้าสายตาของครูฝึกอย่างแน่นอน
7. ตื่นนอนเช้ามืดเป็นประจำ
ต้องตื่นตอนตี 4 ครึ่งเป็นประจำทุกๆวัน ไม่รวมถึงการตื่นกลางดึกเพื่อมาผลัดเวรหรือเป็นเจ้าหน้าที่ดับเพลิงชั่วคราว การตื่นนอนแต่เช้ามืดเป็นประจำจะช่วยในการฝึกขั้นพื้นฐานได้ ควรฝึกด้วยตัวเองให้เป็นกิจวัตรประจำวันเสียก่อน
8. ล็อคสิ่งของของตัวเองให้เรียบร้อย
ผมไม่รู้ว่าคุณจะต้องตื่นกลางดีกกี่ครั้ง หากคุณไม่ได้ล้อคสิ่งของๆคุณ ครูฝึกจะแอบเอาของๆคุณไปโยนไว้ที่กลางอ่าว หรืออาจจะเอาไปซ่อนไว้ในค่ายนอนของทหารหรืออาจจะโยนออกไปนอกหน้าต่างก็ได้ เพราะฉะนั้นควรล้อคสิ่งของๆตัวเองให้ดี ให้ห่างจากเงื้อมมือ จะช่วยให้คลายความกังวลและนอนหลับได้
9. ดื่มน้ำมากๆ
การฝึกเบื้องต้นคือ พวกเขาจะทำให้คุณอดทนต่อการขาดน้ำ มีหลายคนประมาทไม่คิดว่าในหนึ่งวัน ร่างกายเราสูรเสียน้ำไปเท่าไหร่ และหลายคนเกิดอาการเป็นลมเนื่องจากร่างกายขาดน้ำ ให้แน่ใจว่าเราดื่มน้ำพอเพียงหรือไม่ในแต่ละวัน
10. ทำตัวให้ยุ่งตลอดเวลา
สิ่งที่เจ้าหน้าที่หน่วยฝึกไม่ชอบที่สุดคือ การที่เห็นทหารฝึกหัดยืนหรือนั่งอยู่เฉยๆ ทำตัวไม่ให้ว่าง หรือการสูบบุหรี่ (การออกกำลังกายก็เป็นอีกวิธี) ถ้าหากมีเวลาว่าง ควรเช็คสัมภาระต่างๆ เช็ดปืนไรเฟิล หรือทำอะไรก็ได้ให้ดูยุ่งๆเข้าไว้