ประสบการณ์ทางทหารนั้น เปลี่ยนเป็นความเป็นผู้นำในด้านธุรกิจได้หรือไม่ หากดูจากหลายๆบริษัทที่ประสบความสำเร็จแล้วก็อาจพูดได้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกันอยู่ ผู้นำหลายๆคนในบริษัทยักษ์ใหญ่เช่น โลเวล แมคอดัม จากบริษัทVerizon, เฟรดริค สมิท CEOของFedEx, แดเนียล เอเคอร์สัน อดีตCEOของGeneral Motors – ต่างก็มีประสบการณ์ทางทหารทั้งนั้น แล้วโรงเรียนเตรียมทหารสอนอะไรพวกเขา ที่สามารถช่วยให้อดีตนายทหารอย่างพวกไต่เต้าขึ้นมาเป็นผู้นำของบริษัทเหล่านั้น

เมื่อคนๆหนึ่งเดินเข้าไปอยู่ในการทหาร วินัยของเขาจะถูกสร้างจากภายนอกก่อน จ่าที่มีหน้าที่ดูแลพวกเขาจะคิดว่าเขาไม่มีวินัยในตัวเอง ดังนั้น เขาจึงพยายามฝังมันลงไปให้กับพวกเขาโดยการทำให้เขาอยู่ในกฎเกณฑ์ ถ้าหากทหารใหม่คนดังกล่าวเลือกใช้ชีวิตแบบอื่นเช่น เรียนสายสามัญต่อ หรือทำงานทั่วไป เมื่อพวกเขาไม่ได้อยู่ในห้องเรียนหรือที่ทำงาน เขาก็จะมีเวลาเป็นของตัวเอง และเลือกเวลาตื่นเอง เรียนเมื่อไหร่ ทำอะไรหลังเลิกงาน และอื่นๆ ซึ่งจะไม่มีใครเข้ามาสนใจว่ารองเท้าของเขาขัดมันหรือไม่ ผมของเขายาวขนาดไหน

เพราะฉะนั้น วันแรกของการเป็นทหารนั้นจะเป็นวันที่ไม่น่าอภิรมย์เสียเท่าไหร่ เพราะเขาต้องพยายามฝังวินัยเข้าไปในใจ ฝึกเพื่อให้ได้มาซึ่งความแข็งแกร่งของร่างกาย ความอดทน ความรู้ และจิตใจให้เร็วที่สุด ทุกๆวันตั้งแต่เช้ายันค่ำ เขาจะถูกผลักดันให้ทำสิ่งที่เกินกว่าสิ่งที่เขาคิดวาเขาทำได้ ถูกบังคับให้ยืนตัวตรงและมั่นคงอยู่เสมอ ให้วิ่งไปทุกๆที่และห้ามมีข้อแก้ตัวใดๆต่อความล้มเหลวทั้งสิ้น

ตอนแรกๆเขาจะถูกบังคับให้ทำตามนั้น เขาจะถูกจ้องมอง ตะคอกใส่ และโดนทำโทษทุกๆข้อผิดพลาดแม้จะเล็กน้อยมากก็ตาม จากนั้นวินัยทหารเหล่านั้นจะค่อยๆถูกซึมซับเข้าไปในใจของเขา เขาเริ่มจะมองรอบข้างและสนใจว่าเพื่อนทหารของเขาทำได้หรือไม่ เขาเริ่มสนใจกฎระเบียบของทหารมากขึ้น เขายืนตัวตรงได้โดยไม่ต้องมีใครสั่ง เพราะเขามีความภาคภูมิใจเต็มเปี่ยม เขามีความพร้อมที่จะเผชิญชีวิตที่ยากลำบากตรงหน้าของเขาแล้ว

เขาได้เรียนรู้มาก่อนใครว่า การมีวินัยในตนเองคือก้าวแรกสู้ความเป็นผู้นำ และเขาพร้อมแล้วที่จะก้าวขึ้นมาเป็นหัวของกลุ่มและแจกจ่ายงานให้กับทุกๆคน

เขาเข้าใจความสำคัญของการติดตามงานที่เขาได้มอบหมายให้กับคนอื่นๆ เพราะเขารู้ดีว่า ความมีวินัยในตนเองที่เขามีฝังอกนั้น อาจไม่ได้มีอยู่ในตัวของเพื่อนร่วมงานของเขาเสียเท่าไหร่ เขาพร้อมที่จะชักนำโดยการทำเป็นตัวอย่าง และผลักดันจากข้างหลัง ไม่ว่าในสถานการณ์นั้นจะต้องการอะไร เขาเป็นให้ได้หมด เขาไม่เคอะเขินที่จะกล่าวชม หรือกลัวที่จะลงโทษ และเมื่องานใกล้จะเสร็จ เขาจะเห็นว่าความเป็นพวกพ้องและความภาคภูมิใจค่อยๆก่อตัวขึ้นมาเหมือนกับในตอนที่เขาถูกสอนเกี่ยวกับวินัยในตนเอง

เราได้นำบทสัมภาษณ์ของผู้นำเหล่านี้มาสรุปรวมกันและเราก็ได้บทเรียนที่ยิ่งใหญ่ของทั้งในเรื่องชีวิต ธุรกิจ และความเป็นผู้นำที่พวกเขาต่างก็ได้เรียนรู้มาจากการรับใช้ชาติ ดังนี้:

มีความเนี๊ยบอยู่ตลอดเวลา

หลังจากการรับใช้ชาติแล้ว เฟรดริค สมิธ ซึ่งเป็นCEOของFedEx ก็ยังคงทำตัวเนี๊ยบอยู่เสมอตามที่ได้เรียนรู้มาจากกองทหารเรือ “ถึงแม่จะใส่ชุดสูทของนักธุรกิจ ผมยังจัดให้มั่นใจว่า ขอบด้านขวาของหัวเข็มขัดมันตรงกับชายเสื้อและรอยเย็บตรงกลางของกางเกง” เขายังบอกอีกว่า “ผมขัดรองเท้าให้มันด้วยตัวเองตลอด และจะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจหากมันไม่ได้ถูกขัดก่อน”

ดูแลคนของคุณให้ดี

อดีตประทานและCEOเก่าของ General Motorsกล่าวไว้ว่า การเข้าไปเป็นทหารรับใช้ชาติ สอนให้เขานำคนอื่นโดยการทำเป็นตัวอย่างให้ดู และดูแลคนของคุณให้ดี

ตั้งใจในการสร้างความสัมพันธ์ในระยะยาว

“ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นในค่ายทหารนั้นจะยืนยาวไปตลอดชีวิต และมันจะช่วยคุณได้ในด้านธุรกิจเช่นกัน” นี่คือคำพูดของโลเวล แมคอดัม CEOของบริษัทVerizonที่เคยทำงานอยู่เป็น ทหารช่างประจำกองทัพเรือของสหรัฐ

พร้อมที่จะฟังทุกคน

ไมเคิลมอริส อดีตCEOของAmerican Electric Power กล่าวไว้ว่าการเข้าไปเป็นทหารได้สอนเข้าให้มีความตั้งใจที่จะฟังความคิดเห็นทีเป็นประโยชน์จากผู้คนภายในองค์กร และให้ฟังจากหลายคนที่สุดเท่าที่จะทำได้

ตั้งสติภายใต้ความกดดัน

มอรริสมักจะเทียบCEOกับนักบินที่เจอสภาพอากาศแย่ – การที่จะฝ่าวิกฤตมรสุมไปนั้น มันขึ้นอยู่กับว่าเขาจะต้องตั้งสติให้ดี และผู้โดยสาร(หรือพนักงานและผู้ร่วมลงทุน)ก็จะสงบใจได้ เพราะสิ่งที่ทุกคนไม่อยากเห็นก็คือ ผู้นำของพวกเขากำลังสั่นคลอน

ลงมือทำอย่างเด็ดขาดแม้ว่าจะมีข้อมูลไม่ครบก็ตาม

เดวิด มอร์เคน CEOของบริษัทที่ให้บริการด้านอินเตอร์เน็ตและโทรคมนาคม Bandwidth ได้เรียนรู้วิธีที่จะทำงานภายใต้หมอกหรือความคลุมเครือ และลงมือทำอย่างมั่นใจแม้ว่าอาจจะไม่ได้รับข้อมูลที่สมบูรณ์ก็ตามมาจากประสบการณ์ในตอนที่เขาเป็นทหารเรือ เขาสามารถปรับมุมมองได้และเห็นว่าโปรเจคที่แทบเป็นไปไม่ได้นั้น กลายเป็นแค่เรื่องเล็กๆต่อๆกันเท่านั้นเอง

นำคนด้วยความซื่อสัตย์

“ทหารผ่านศึกมันจะมีความสามารถพิเศษและคุณลักษณะที่คล้ายๆกัน นั่นคือ ความมีวินัย วุฒิภาวะ ความสามารถในการปรับตัว และความทุ่มเท” จอห์น ลูค จูเนียร์ CEOของMeadWestvaco อดีตนักบินของกองทัพอากาศได้กล่าวไว้เช่นนั้น พวกเขาทำงานด้วยความซื่อสัตย์และมีมาตรฐานจรรยาบันต่อทุกๆอย่างที่ทำ

เป็น รู้ และทำทุกอย่างที่คุณสั่งให้คนภายใต้บังคับบัญชาของคุณได้

“ตอนที่ผมเข้าที่โรงเรียนนายร้อยผมถูกสอนมาว่า ‘เป็น รู้ และทำในสิ่งที่สั่ง’ เมื่อต้องจัดการกับผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชา” อดีตนายสิบฝึกหัดทหารของสหรัฐ และCEOฝ่ายการตลาดของเครือArgo เจสัน เลเวสคิว ได้ในสัมภาษณ์กับ Business Insiderไว้ว่า “เป็นผู้เชี่ยวชาญ รู้งาน และทำสิ่งที่ยาก แล้วลูกน้องของคุณจะตามคุณมาและพยายามเป็นให้ได้แบบคุณ”

นี่ไม่ได้เป็นการบอกว่า บุคคลทั่วไปจะไม่มีวินัยในชีวิตของเขา เขาเองก็มีโอกาสที่จะเติบโตเป็นคนที่ดีและเข้าใจว่าเขาต้องทำตามกฎเกณฑ์ของหัวหน้าหรือครูของเขาถ้าเขาอยากจะสำเร็จให้ได้ อย่างไรก็ตาม การเติบโตของเขาอาจจะช้ากว่าเพราะว่าการทหารนั้นมันมีความกดดันและมาตรฐานที่สูงกว่ามาก ประเทศชาติต้องพึ่งพวกเขาในการอยู่รอด ดังนั้นพวกเขาจึงต้องเติบโตอย่างรวดเร็วเพื่อแบกรับหน้าที่นั้นและพร้อมที่จะทำในสิ่งที่คนธรรมดาไม่สามารถทำได้

ความมุ่งมันและจิตวิญญาณของทหารไม่เคยจางหายไปเมื่อพลทหารออกจากการเป็นทหาร เขาจะทำสิ่งที่อยู่ในโลกของคนธรรมดาด้วยวินัยที่เขาได้เรียนรู้มาเป็นเวลาหลายปีตั้งแต่เขาเพิ่งเข้าไปเป็นทหาร ตอนนี้เขาเป็นบุคคลที่มีความมั่นใจ และพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับงานที่คนรอบข้างของเขาอาจมองว่าเป็นไปไม่ได้

ที่ปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคล เป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัท และองค์กรต่างๆ เชี่ยวชาญด้านที่ปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคล วิทยากร Employee Experience รับเปิดคอร์ส หลักสูตร ฝึกอบรม Training สำหรับ HR มือใหม่ บุคลากร อบรมฝ่ายบุคคล พัฒนาองค์กร

รับลงโฆษณาออนไลน์มีกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ รับทําการตลาดออนไลน์ รับทํา Digital marketing รับทําโฆษณาออนไลน์ ที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์ ปรึกษาฟรี ราคาย่อมเยา ติดต่อได้ที่ 0649422452 2/4 ซอย ลาดพร้าว 101 แยก 46 แขวง คลองจั่น เขต บางกะปิ

แหล่งที่มา :

https://www.businessinsider.com/what-the-military-teaches-about-leadership-2014-2

http://masscasualties.com/2011/03/31/what-the-military-teaches-about-self-discipline